ความสำเร็จของกล้องตรวจการณ์ THEON SENSORS
March 24, 2021
ทำความรู้จักกับเทคโนโลยีเรดาห์
April 1, 2021

DJI MINI 2

ถึงจะหน้าตาเหมือนเดิม แต่มันบินและยิงดีกว่าเดิม

ในตอนที่ Mavic Mini ได้รับการเปิดตัว มันถูกสร้างขึ้นด้วยจุดประสงค์ที่ชัดเจนมากนั่นคือ การสร้างโดรนติดกล้องให้เบากว่า 250 กรัม เพราะว่าอะไรก็ตามที่เบากว่า 250 กรัม ไม่ต้องลงทะเบียนกับ FAA !!

DJI Mini 2 ตัวใหม่นี้ ยังคงมีเป้าหมายให้เบากว่า 250 กรัมเช่นเดิม แต่พัฒนาขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมาก เริ่มแรกแล้ว Mavic Mini มีเป้าหมายเพื่อเจาะกลุ่มผู้ที่เพิ่งเริ่มเล่นโดรน แต่ DJI Mini 2 ได้ได้สร้างขึ้นเพื่อเฉพาะมือใหม่อย่างเดียว แต่รวมถึงผู้ใช้โดรนมากประสบการณ์ ช่างภาพนิ่ง และ ช่างภาพวิดีโอ

คุณสมบัติที่ดีของ DJI Mini 2 มูลค่า $450 (~13500 บาท) คือ เบา เล็ก และถึงแม้จะมาพร้อมกับกล้องที่คุณภาพไม่ดีเท่า DJI ตัวใหญ่ แต่ยังถือว่าเป็นกล้องที่ดีมากอยู่ดี การปรับปรุงในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จำนวนมาก ทำให้โดรนตัวนี้กลายเป็นโดรนที่สมบูรณ์แบบสำหรับ content creator ที่ต้องเดินทาง

ทดลองบิน DJI MINI 2

DJI Mini 2 มีขนาดและน้ำหนักเท่ากับรุ่นก่อนหน้า ด้วยน้ำหนักไม่ถึง 250 กรัม มันจึงไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนกับ FAA รวมถึงไม่จำเป็นต้องแจ้งตำแหน่งของนักบินโดรน และโดรนอีกด้วย

Mini 2 ยังมาพร้อมกับคอนโทรลเลอร์ตัวใหม่ที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นคอนโทรลเลอร์แบบเดียวกับที่ใช้ใน Mavic Air 2 ซึ่งโทรศัพท์จะวางอยู่ด้านบนตัวคอนโทรลเลอร์เลย ซึ่งทำให้เป็นเรื่องง่ายขึ้นมากในการใช้งาน อีกทั้งยังไม่ต้องเป็นห่วงว่าโทรศัพท์ที่มีเคสจะใช้ไม่ได้อีกด้วย

นอกจากกล้องที่ถูกพัฒนาขึ้นแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นอย่างมากใน DJI MINI 2 นั่นคือ Ocusync เป็นการเชื่อมต่อรูปแบบใหม่ที่ดีขึ้นและเสถียรขึ้นอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับ การเชื่อมต่อ Wi-Fi แบบเก่าบน Mini รุ่นก่อนหน้า Ocusync ทำงานบนคลื่นวิทยุ และได้รับการพิสูจน์แล้วจาก โดรนของ DJI รุ่นอื่น ๆ ว่ามีความหน่วงที่ต่ำ และสามารถถ่ายทอดสดวิดีโอ 1080p หรือ 720p ลงบนโทรศัพท์ได้อย่างลื่นไหล ถือได้ว่าเป็นจุดที่พัฒนาขึ้นมากที่สุดจาก Mavic Mini รุ่นก่อนหน้า ซึ่งทำให้การบินโดรนง่ายขึ้นและสนุกขึ้นมาก

ในเดือนธันวาคม ปี 2000 ทรัมป์ ได้เพิ่ม DJI เข้าสู่ blacklist ในการทำการค้าด้วย เนื่องจากมีส่วนร่วมกับรัฐบาลจีน ด้วยข้อกล่าวหาว่าบริษัทได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยการให้ทางรัฐบาลจีนได้เก็บรวบรวมข้อมูลบุคคลด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม และทำการวิเคราะห์ หรือเฝ้าระวังด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เนื่องจากมีรายงานว่า DJI ได้พัฒนาโดรนให้กับรัฐบาลจีนใช้สำหรับควบคุมนักโทษในคุกแห่งหนึ่งในมณฑล ซินเจียง(Xinjiang)

นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในโดรนของ DJI กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ กำลังทำการตรวจตรวจสอบ หรือแบนโดรนที่ถูกผลิตจากต่างชาติ

DJI ได้โต้แย้งถึงการกระทำครั้งนี้ของทรัมป์เช่นกัน

อย่างไรก็ตามสิค้าทั้งหมดของ DJI สามารถกลับมาวางขายได้แล้วอย่างปกติในสหรัฐตอนนี้

อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้การบินโดรนสนุกมากยิ่งขึ้นคือมอเตอร์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม มันสามารถทรงตัวในลมแรงได้ดีพอ ๆ กับโดรน DJI รุ่นอื่น ๆ ที่ทรงพลังมากกว่านี้เช่น Mavic 2 Pro และ Zoom เท่าที่ได้ทดลองมายังไม่เคยมีตอนไหนเลยที่ต้องกังวลว่ามันจะหลุดการควบคุม อีกทั้งโดรนยิ่งตัวเล็กยิ่งบินสนุกและเสียงไม่ดัง ถึงแม้มันมักจะมีเสียงแหลมแสบหู แต่คุณจะไม่ได้ยินเสียงแบบนั้นเลยใน Mini 2 จนกว่าคุณจะบินด้วยความเร็วสูงใน sport mode

สิ่งที่ขาดไปในโดรนตัวนี้คือเซนเซอร์หลบหลีกสิ่งกีดขวาง ดังนั้นจะต้องระวังมาก ๆ เวลาคุณขับมัน แต่ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีเซนเซอร์ผมก็ยังคงรู้สึกกล้าที่จะเสี่ยงเพราะมันมีขนาดที่เล็กมาก มันสามารถลอดผ่านบริเวณแคบ ๆ ได้อย่างง่ายดาย หลายครั้งผมพบว่าผมพยายามที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ผมไม่กล้าทำมาก่อนกับโดรนที่หนักกว่านี้และแข็งแรงกว่านี้ ส่วนข้อเสียของการไม่มีเซนเซอร์จริง ๆ ก็คือคุณจะไม่สามารถใช้ระบบการตั้งค่าการบินล่วงหน้า หรือโปรแกรมสำหรับบินอัตโนมัติได้ รวมทั้งการติดตามเส้นทางการบินอัตโนมัติ หรือการทำ hyperlapses ก็ไม่สามารถทำได้

สุดท้ายแล้วโดรน Mini 2 เป็นการนำเอาสิ่งที่ดีที่สุดของ DJI มารวมกันในขนาดที่เล็กกะทัดรัด ทั้งเป็นโดรนที่มีการเชื่อมต่อที่เสถียร มีกล้องประสิทธิภาพสูง รวมไปถึงซอฟต์แวร์ที่สร้างปรสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งาน โดยที่ยังอยู่ในราคาที่เหมาะสม เข้าถึงได้และเก็บภาพได้อย่างมีคุณภาพ

 

 

ที่มา: https://www.theverge.com

แปลและสรุปโดย: Pitsinee APS

Comments are closed.