เมื่อคืน(5 ส.ค.) เกิดเหตุระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นที่เมืองเบรุต ประเทศเลบานอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 78 คน บาดเจ็บอีกหลายพัน โดย Shockwave ที่เกิดขึ้นส่งผลให้กระจกอาคารโดยรอบเสียหาย นายกรัฐมนตรีเลบานอนกล่าวว่า เหตุระเบิดนั้นเกิดขึ้นที่ท่าเรือเบรุต มีสาเหตุจาก แอมโมเนียม ไนเตรต ประมาณ 2,750 ตัน ระเบิดขึ้น ซึ่งสารดังกล่าวถูกเก็บไว้ในโกดังเป็นเวลา 6 ปี โดยไม่มีการป้องกัน และสาบานว่าจะนำผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษให้ได้
#BREAKING – #Lebanese media claims the MASSIVE #explosions in #Beirut occurred in a fireworks warehouse. Fireworks can be seen in the video, moments later a secondary explosion caused most of the damage. #Lebanon pic.twitter.com/ddM0tojmlU
— SV News ? (@SVNewsAlerts) August 4, 2020
ยอดผู้เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากพบศพใต้ซากปรักหักพัง ส่วนยอดผู้บาดเจ็บนั้นได้รับการรายงานว่ามีอย่างน้อย 4,000 ราย บ้านเรือนหลายร้อยหลังถูกทิ้งเพราะไม่เหลือสภาพให้อาศัยอยู่ได้ซึ่งเกิดจากแรงระเบิด (Blast Force) โดยแรงระเบิดนี้ได้ทำลายไซโลเก็บธัญพืชขนาดใหญ่ไปด้วย ซึ่งเป็นทรพยากรอันมีค่าของประเทศที่แม้แต่ขนมปังก็ขาดแคลน และต้องนำเข้าทางเรือด้วย สถานทูตสหรัฐอเมริกาในเมืองเบรุตได้ออกแถลงการณ์ให้ผู้คนสวมใส่หน้ากากอนามัยและอยู่แต่ภายในบ้าน หลังจากที่มีรายงานว่ามีแก๊สพิษปนมากับการระเบิดด้วย
ห้องปฏิบัติวิจัยอากาศ มหาวิทยาลัยอเมริกาได้แสดงคุณภาพอากาศได้กลับมาอยู่ในระดับที่ “ดี” ในเวลา 19.00 (เวลาท้องถิ่น) ของวันอังคาร หลังจากที่มีระดับฝุ่นละอองในอากาศที่ “ปานกลาง” ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้
ผู้คนหลายพันคนต้องหาการรักษาจากโรงพยาบาลบริเวณใกล้เคียง ซึ่งก็ต้องรับมือกับเหตุโศกนาตกรรมครั้งนี้ด้วย รถยนต์มากมายถูกทิ้งไว้บนทางสัญจรโดยรอบ และเสียงระเบิดนั้นได้ยินไกลถึง 80 กิโลเมตร จากภาคเหนือของประเทศ รัฐมนตรีสาธารณสุข ได้ยืนยันตัวเลขของผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 78 รายและบาดเจ็บอย่างน้อย 4,000 ราย
ในคืนวันอังคาร สภากลาโหมของเลบานอน ได้แนะน าให้ประกาศให้เบรุต เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติและประกาศภาวะฉุกเฉินในตัวเมืองเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้ทางการทหารดูแลในด้านการรักษาความปลอดภัย
โดนัล ทรัมป์ ได้เพิ่มความสับสนในชั่วโมงหลังการระเบิด โดยมีการพูดถึง “การโจมตี” ในช่วงเวลา 22.00 ตามเวลาในประเทศไทย โดยที่มีนายทหารชั้นสูงบางท่านได้บอกกับทรัมป์ว่า “เป็นการโจมตีอะไรสักอย่าง” หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้แจ้งว่าข้อมูลที่ทรัมป์ได้รับนั้นมาจากไหน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ชัดเจน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นไม่มีข้อมูลใดที่แสดงว่าการระเบิดนั้นเป็นการโจมตี
อิสราเอลได้ปฏิเสธความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังได้เสนอความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและอุปกรณ์การแพทย์ด้วย เบื้องต้นนี้ได้แนะนำว่า โกดังดอกไม้ไฟนั้นมีส่วนเกี่ยวข้อง หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเลบานอน ได้กล่าวถึงสารเคมีซึ่งสามารถเผาไหม้ได้ถูกเก็บไว้อยู่ในโกดังได้กล่าวว่า มีแอมโมเนียมไนเตรต อยู่ในโกดังนั้นด้วยและได้ให้มีการสืบสวนว่าเกิดการระเบิดขึ้นได้อย่างไร “มันไม่มีหรอก ดอกไม้ไฟนะ” จากหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเลบานอน “ไม่มีดอกไม้ไฟ แต่เป็นระเบิดแรงสูงต่างหากและผมก็คาดการณ์การสืบสวนไม่ได้หรอก แต่เหมือนกับว่าการระเบิดเกิดขึ้นภายในโกดังของระเบิดแรงสูงซึ่งถูกยึดมาหลายปีแล้ว”
สิ่งที่มีพลังในการทำลายล้างคือแรงจากการระเบิด (Force of the Blast) ซึ่งได้ทำให้ตึกทั้งด้านตะวันตกและทางใต้ของเบรุต สั่นไปด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 3 วันก่อนการประกาศคำตัดสินของคดีที่บุคคล 4 คน ได้ระเบิดและสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีของเลบานอนเมื่อ 15 ปีที่แล้ว
ความเกี่ยวข้องกับคดีลอบสังหารนี้ได้ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน รัฐบาลอิสราเอลได้กล่าวว่ากองก าลังของอิสราเอลนั้น ไม่ได้ทำการโจมตีแต่อย่างไร “อิสราเอลไม่ได้ดำเนินการใด ๆเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้” รัฐมนตรีการต่างประเทศอิสราเอลได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ N12 ว่า การระเบิดนั้นน่าจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากไฟไหม้มากกว่า
ท่าเรือเบรุตนั้นถูกใช้เป็นสถานที่ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม ซึ่งก็ปฏิบัติความ
เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้
จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดที่ใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในเมืองเบรุต คาดว่าจะสูงกว่าตัวเลขที่ได้รับรายงานมาเบื้องต้น โดยสภาชาชาดเลบานอนคาดว่า ตัวเลขของผู้เสียชีวิตจะได้รับการยืนยันหลังจากที่หน่วยกู้ภัยเข้าสำรวจซากปรักหักพังแล้ว
แพทย์ ณ โรงพยาบาล เซนต์จอร์จ ที่ตั้งอยู่ไม่ถึง 2 กิโลเมตร จากศูนย์กลางการระเบิดบอกว่า
ผู้บาดเจ็บถูกน าตัวส่งเข้ามารักษาแต่โรงพยาบาลเองก็เสียหายจากการระเบิดเช่นกัน “พวกเขานำคน
บาดเจ็บมาโรงพยาบาลแต่เรารับไว้ไม่ได้ พวกเขาต้องทำการรักษาที่ถนน โรงพยาบาลพังพินาศ ห้อง
ฉุกเฉินก็เสียหาย”
ในสื่อสังคมออนไลน์ได้มีวีดีโอซึ่งถูกถ่ายโดยคนทั่วไป แสดงให้เห็นถึงการระเบิดเล็กๆ หลายครั้งในตัวโกดัง จากนั้นตามด้วยการระเบิดขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถพลิกรถที่อยู่บนเส้นทางการจราจรและทำลายทางด่วนบริเวณใกล้เคียงได้ และยังได้ทำลายบางส่วนของท่าเรืออีกด้วย
แรงระเบิดที่เกิดขึ้นสามารถรู้สึกได้ไกลกว่า 200 กิโลเมตร ในหมู่เกาะไซปรีส “ถูกคนบนเกาะรู้สึกได้ ประตูบ้านผมก็สั่น” จากผู้ที่อาศัยอยู่บนเกาะไซปรัส
ภาพแสดงรัศมีการระเบิด โดยระยะที่ไกลที่สุดจากจุดศูนย์กลางแล้วเกิดความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 24 กิโลเมตร
แปลโดย: Na APS
Bomb Containment and Disposal
See more: http://applescientific.com/product-category/eod/bomb-containment-and-disposal/