โดรนพาณิชย์สำหรับขนส่งกำลังกระจายไปทั่วโลก FAA จึงเร่งออกกฏและนโยบายเพื่อรองรับ แล้วแล้วคุณล่ะ พร้อมสำหรับความเปลี่ยนแปลงนี้แล้วหรือยัง?
ทีมของโจ ไบเดน กำลังหารือกันเรื่องการเปลี่ยนแปลงมาตรการต่าง ๆ ที่ โดนัล ทรัมป์ ได้ทำการปรับในสมัยที่ผ่านมา แต่ Pete Buttigieg ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญในขั้นตอนการพิจารณารับรอง โดยเขาได้ให้ความเห็นว่า โดรนที่มีเพดานบินต่ำ ๆ (โดรนทั่วไปที่ไม่ได้บินสูงมาก) ไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลกลางจำเป็นต้องควบคุมด้วยตนเอง โดยเมื่อ 1 เดือนก่อน องค์การบริหารการบินแห่งชาติ ในสมัยของ ทรัมป์ เพิ่งประกาศนโยบายโดรนใหม่ เพื่อเตรียมตอบรับกับโดรนที่จะใช้ในการส่งของและการให้บริการระยะไกล
ปัจจุบันหลาย ๆ บริษัทอย่าง Walmart, Amazon, และ UPS กำลังทำการทดสอบ และเตรียมความพร้อมโดรนสำหรับการจัดส่งสินค้า จากการรายงานของ Mercatus Center ที่มหาวิทยาลัยจอร์จ มาสัน พบว่ามีหลาย ๆ รัฐที่พร้อมให้โดรนทำงาน สร้างรายได้ และการบริการแก่ทั้งภาคครัวเรือน และ ภาคอุตสาหกรรม
อุปสรรคสำคัญในการใช้โดรนเพื่อการบริการ คือ การได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่กำกับดูแลการใช้น่านฟ้าเพดานบินต่ำ เมื่อผ่านเกณฑ์ก็จะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้อย่างรวดเร็ว โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัท UPS และ DroneUp ร่วมมือกันเพื่อใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่างภายในโรงเรียนที่อยู่ในรัฐเวอร์จิเนีย ในการทดลองระบบการจัดส่งพัสดุในสถานการณ์ COVID-19 และหลังจากนั้นเพียงสองวัน โดรนเหล่านั้นได้ทำการส่งของไปในพื้นที่ครอบคลุมกว่า 55 เอเคอร์ (~139.15 ไร่) ในทุก 3 นาที ซึ่งนโยบายใหม่ของ FAA จะทำให้บริษัทต่าง ๆ สามารถทดสอบบริการที่คล้ายกันนี้ได้มากขึ้น
การเติบโตของเทคโนโลยีทำให้อุตสาหกรรมโดรนพาณิชย์ทั่วโลกและในสหรัฐเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเร็วกว่าที่ FAA เคยคาดการณ์ไว้ โดยวันนี้โดรนพาณิชย์มากกว่าแสนลำได้ผ่านการลงทะเบียนแล้วในสหรัฐ และการแข่งขันระดับโลกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ระเบียบการใช้โดรนขนส่งในประเทศจีนมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา และในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ บริษัทต่าง ๆ ในประเทศแคนาดา เกาหลีใต้ อังกฤษ และญี่ปุ่น ได้ใช้โดรนในการขนส่งยาและอาหารสดไปยังเกาะที่อยู่ห่างและยากจะเข้าถึง ซึ่งสามารถส่งได้ไวกว่าการใช้เรือบรรทุกเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น บริษัท Zipline ยังได้เริ่มทำการใช้โดรนเพื่อขนส่งเวชภัณฑ์ให้กับหลายโรงพยาบาลใน รวันดาและกานา โดยได้ทำการขนส่งไปมากกว่า 90,000 ครั้งแล้ว
หลังจาก FAA อนุญาตให้ Zipline ทำการขนส่งในบางพื้นที่ของรัฐนอร์ทแคโรไลนาและอาร์คันซอแล้ว บริษัท Zipline ได้ร่วมมือกับ Novant Health เพื่อทำการขนส่งเวชภัณฑ์และตัวอย่างต่าง ๆ ระหว่างคลินิกกับโรงพยาบาลในนอร์ทแคโรไลนา นอกจากนี้ยังได้ทำการเปิดตัวโดรนส่งของ ของสหรัฐก่อนกำหนดการครึ่งปีเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ต่อมาในเดือนกันยายน บริษัท Walmart และ Zipline ออกมาเผยว่าพวกเขาร่วมมือกันเพื่อส่งสินค้าด้วยโดรนในระยะ 50 ไมล์รอบร้าน Walmart ในรัฐอาร์คันซอ
กฎใหม่ของ FAA ซึ่งกำลังจะมีผลบังคับใช้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ยินยอมให้โดรนสามารถทำงานในเวลากลางคืน รวมทั้งบินเหนือผู้คนและถนน หากทำตามกฎข้อบังคับได้ และกฎหมายใหม่นี้มีแนวโน้มที่จะเร่งการเติบโตของโดรนพาณิชย์และขนส่งทางไกล โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อการจัดส่งเวชภัณฑ์ บริการทางการเกษตร สอดส่องความปลอดภัย และเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วน่านฟ้าจะถูกกำกับดูแลโดยรัฐบาลกลาง แต่เนื่องจากการบินโดรนมีเรื่องการบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล ความเป็นส่วนตัว และข้อบังคับใช้กฎหมายสำหรับแต่ละท้องถิ่น ทำให้สภานิติบัญญัติและหน่วยงานการกำกับดูแลของแต่ละรัฐจะต้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้แทน
รัฐอาร์คันซอ และนอร์ทแคโรไลนา เป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรก ร่วมกับรัฐ นอร์ทดาโคตา โอคลาโฮมา เนวาดา เวอร์จิเนีย จอร์เจีย นิวเจอร์ซีย์ เดลาแวร์ และ เท็กซัส โดยรัฐเหล่านี้มีคะแนนความพร้อมสูงเนื่องจากกฎหมาย และนโยบายเอื้อต่อการใช้โดรนพาณิชย์
โดยถ้าหากฝ่ายขนส่งของรัฐสร้างสำนักงานโปรแกรมโดรนเหมือนที่ นอร์ทแคโรไลนา ทำ จะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการพราะจะทำให้สามารถขออนุญาตใช้โดรนในทางพาณิชย์ง่ายยิ่งขึ้น
เราหวังว่ารัฐอื่น ๆ จะดำเนินการตามมาตรการเดียวกันนี้ในปีนี้ เพื่อผลักดันการใช้โดรนพาณิชย์เพื่อการบริการ และอาชีพใหม่ ๆ โดย รัฐ โอไฮโอ และ ยูทาห์ เป็นรัฐที่น่าจับตามอง เนื่องจากได้สร้างสำนักงานโปรแกรมโดรน และวางแผนที่จะสร้างทางหลวงเฉพาะโดรน โดยเป็นทางเดินน่านฟ้าเหนือถนนหลัก ตามที่ FAA อนุญาตให้สามารถบินโดรนเหนือภาหนะอื่น ๆ ในเวลากลางคืน รัฐจึงสามารถกำหนดกฎการบินและเก็บค้าใช่จ่ายจากตรงนี้เพื่อสร้างรายได้ และควบคุมไม่ให้การบินรบกวนในเขตชุมชน
นี่เป็นยุคใหม่ของการควบคุมโดรน ส่วนที่ยากคือการทำให้มันสามารถสร้างรายได้ และอาชีพได้ โดยจากการตัดสินใจของรัฐบาลกลางและความร่วมมือที่เกิดขึ้น จะทำให้สหรัฐกลายเป็นผู้นำนโยบายและอุตสาหกรรมโดรนที่มีความปลอดภัย รักษาความเป็นส่วนตัว และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้
ที่มา: https://www.usatoday.com/
แปลโดย: Pitsinee APS